Translate

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

เรื่องสั้น เหล่ากง ผู้เร้นลับ กับ ข้าพเจ้า ตอน นางพญาซูสีไทเฮา

เรื่องที่คุณอ่านต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์สมมติ.  ตัวละครไม่มีตัวตนอยู่จริง 
เป็นการนำแสดงเพื่อประกอบการอธิบายดวงชะตาตามหลักดวงจีนแบบเจี่ยโหงวเฮ้งเท่านั้น
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่อง ที่แต่งโดย ผู้มีนามปากกา ว่า นักเดา ศิษย์รุ่น 41 แต่มาจบรุ่น 44 เพราะปัญหาสุขภาพ ของท่านอาจารย์ใหญ่เกรียงไกร  ที่มาสิงใน web payakorn.com เรื่องแต่งนี้ถือว่ามีลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย การนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ ต้องอ้างอิงชื่อผู้แต่งด้วยนะครับ. แต่ถ้าเอาไปรวมเล่มขาย ละเมิดลิขสิทธิ์นะครับ

สายลมเย็นๆที่พัดมาแผ่วๆ ที่พัดมาจากเขาไม้แดงที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ในป่าดิบแล้งที่เต็มไปด้วยไม้แดง เต็ง รัง มะค่า.  เมื่อมาสัมผัสกายในยามเช้าของฤดูหนาวช่างเหมือนกับการเอาขวดน้ำดื่มที่แช่เย็นไว้ในตู้เย็น ค่อยๆมาละเลียดตามผิวหนังให้เกิดอาการหนังหดเป็นตุ่มๆ แม้จะมีเสื้อกันหนาวห่อคลุมร่างกายบางส่วนอยู่ แต่สายลมก็ช่างลามเลียซอกซอนไปตามซอกหลืบของร่มผ้า ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านนัก. เราจึงเห็นคนแก่ๆตามชนบทส่วนใหญ่มักจะเก็บฟืนมาจุดไฟเพื่อผิง รับไออุ่นไล่ความหนาว เหล่ากงก็เหมือนกัน ช่วงเช้าๆในหน้าหนาวที่มีเหลนมาอยู่ด้วย ท่านชอบเดินเก็บฟืนด้วยตัวเองจากสวนในบ้านมากองรวมกันและเอาเศษใบไม้มาสุมทับ บางที่ก็มีเศษกระดาษนิดหน่อยเป็นเชื้อให้ไฟติด ไฟจากกองไฟที่ค่อยๆลามเลีย ขอนไม้ทำให้เกิดคราบสีดำๆติดไฟแดงๆและมีเสียงของฟืนแตกเป็นระยะๆ โดยปกติถ้าไม่มีเหลนมาอยู่ด้วย เหล่ากงมักจะรำมวยจีนในช่วงเช้า เพื่อรอให้ป้าชูใจแม่บ้านที่ดูแลบ้านทำอาหารให้เสร็จก่อน แต่พอเหลนมาเหล่ากงมักจะชอบก่อไฟผิงแทน เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับข้าพเจ้าและชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องราวและประสบการณ์ชีวิตของท่านในอดีต

" เหล่ากง ครับ ทำไม เหล่ากง ไม่ไปอยู่ในเมือง ทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ครับ"
" เหล่ากง เบื่อความวุ่นวาย. อยากมีชีวิตที่สงบๆ เหมือนสมัยตอนที่ เหล่ากงนั่งเรือมาถึงเมืองไทยใหม่ๆ ตอนนั้น บ้านเมืองมีแต่ป่าดง อากาศก็สดชื่น น้ำก็ใสสะอาด คนก็มีน้ำใจ ไม่ได้มีชีวิตที่วุ่นวาย เหมือนสมัยนี้"
" เหล่ากงครับ. แล้วทำไม เหล่ากงถึงต้องหนีจากเมืองจีน มาเมืองไทยล่ะครับ"

เหล่ากงกอดไหล่ข้าพเจ้าที่กำลังนั่งหันหน้าผิงไฟอยู่
"ถ้าตี๋น้อยอยากรู้ เหล่ากง จะเล่าให้ฟัง"

" เหล่ากง หนีมาตอนที่ฉือสีไท่โฮ่วตายเมื่อปีกวังซวี่ที่ 33.  เพราะท่านมหาขันที หลี่ เหลียนอิง ได้ถูกพระนางหรงยู่ปลดจากตำแหน่ง. ทำให้. เหล่าเหล่ากง. หลี่หงเฟิง ต้องถูกปลดจากตำแหน่งเจ้ากรมพิธีการ และถูกตามฆ่าจากหยวน ซื่อไข ไปด้วยในฐานะคนสนิทของทั้งท่านหลี่ เหลียนอิง และท่านฉือสีไท่โฮ่ว และเป็นผู้ที่รู้เรื่องการร่วมกันของหยวน ซื่อไขและท่านหลี่ เหลียนอิงในการลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ กวังซวี่ ให้เสียชีวิต ตามคำสั่งของพระนางฉือสี เพื่อป้องกันการปฏิรูปประเทศเลียนแบบพวกฝรั่ง"

" เหล่ากงกับเหล่าเหล่ากง. ต้องแอบซุกตัวในเกวียนขนโลงศพของคนรับใช้สองคนที่ยอมฆ่าตัวตายเพื่อให้พวกเราสามารถหนีออกจากจื่อจิ้นเฉิง(พระราชวังต้องห้าม)ได้"

"ที่หยวน ซื่อไข ต้องตามฆ่าเราเพราะนอกจากรู้ความลับแล้ว. เหล่าเหล่ากงยังเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการครองอำนาจอันยาวนานของพระนางฉือสี ด้วยวิชาฮวงจุ้ยประจำตระกูลหลี่แห่งกวางซี ที่หยวน ซื่อไขต้องกำจัดให้ได้เพื่อล้ม ราชวงศ์ชิง ที่เขาเกลียดหนักหนา เพราะถูกหลอกจากพระนางว่าจะให้เป็นใหญ่ถ้าทำลายพวกนิยมฝรั่งและฝรั่งได้ สุดท้ายพระนางกลับมาคบฝรั่งและถีบหัวส่ง  หยวน ซื่อไขเลย อาฆาต ราชวงศ์มาแต่นั้น"

ข้าพเจ้าในตอนนั้นสงสัยเหลือเกินว่า วิชาฮวงจุ้ย นำมาใช้ในการครองบัลลังก์อันยาวนานของพระนางฉือสีไท่โฮ่ว ได้อย่างไรกัน ไม่ใช่เพราะพระนางเป็นคนเก่งและมีคนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ ช่วยในการบริหารหรอกหรือ. ที่ทำให้พระนางสามารถอยู่ยั้งยืนยงได้ขนาดนั้น

" แล้ว เหล่าเหล่ากง ทำยังไงครับ ถึงช่วยพระนางได้ยาวนานขนาดนั้น"

เสียงของฟืนที่แตกเป็นระยะๆ พร้อมกับประกายไฟที่กระเด็น ออกมาทำให้ข้าพเจ้านึกถึง พลุที่ขายตามร้านเวลาที่จุดแล้วจะมีประกายไฟที่กระจายออกมาทางก้นแล้วส่งตัวของพลุ ให้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า การที่พลุจะขึ้นสูงไปได้ต้องมีอีกด้านที่ไปในฝั่งตรงข้ามเพื่อส่งให้พลุสูงขึ้นไปเรื่อยๆ. เมื่อมีคนกลุ่มนึงรวยขึ้นมากๆก็จะมีคนอีกกลุ่มที่จนลงมากๆ. เมื่อมีคนกลุ่มนึงที่มีอำนาจขึ้นมากๆก็จะมีคนอีกกลุ่มนึงที่ถูกกดขี่มากๆ  มันคงเป็นสิ่งที่ธรรมชาติพยายามที่จะรักษาสมดุลไว้ละมัง

" ฉือสีไท่โฮ่ว. เกิดในปีเต้ากวงที่ 15 เป็นลูกของหุ้ยเจิง กับฟู่ฉา ในตระกูล เย่เฮ่อนาลา ที่ในตำนานของแมนจูเคยกล่าวไว้ว่า. คนที่จะทำลายราชวงศ์ชิง ต้องเป็นชื่อนี้ เพราะเป็นคำสาป จากตั้งแต่สมัยนรูฮาชี หรือองค์ไท่จูแห่งเสิ่นหยางผู้นำเผ่าที่เข้มแข็งเป็นเหล่าเหล่ากงของฮ่องเต้คังซี ขุนนางแมนจูคนนึงได้รบเพื่อชาติอย่างถวายชีวิต แต่ถูกใส่ร้ายป้ายสีจนถูกประหารชีวิต ก่อนตาย ได้สาปแช่งตระกูลของนรูฮาชีไว้ ว่าถ้าได้เป็นฮ่องเต้มีราชวงศ์ ก็ขอให้ล่มสลายด้วย เย่เฮ่อนาลา"

"บรรพบุรุษ ของเหล่าเหล่ากง. หลี่ต้าฝู เป็นผู้ที่วางผังออกแบบสุสานให้กับนรูฮาชี เพราะบุญคุณที่นรูฮาชี เคยช่วยเหลือตระกูลให้รอดพ้นจากการถูกฮ่องเต้ของราชวงศ์หมิงสั่งคนมาฆ่ายกตระกูล เพื่อจะทำลายสายตระกูลหลี่แห่งกวางสี ให้หมดสิ้นไป เพื่อไม่ให้ใครมาล้มบัลลังก์ได้อีก ทำให้ช่วงนั้นคนทั้งตระกูลต้องหลบภัยจากฮ่องเต้ ไปอยู่ที่เสิ่นหยาง เมืองหลวงของแมนจูในตอนนั้น และได้รับการคุ้มครองจากทั้งองค์ไท่จู องค์ไท่จง ฮ่องเต้ซุ่นจื้อ และสุดท้ายได้กลับมากวางสีกันในสมัยฮ่องเต้คังซี"

"ในบันทึกของหลี่หงเฟิงหรือเหล่าเหล่ากง. ได้บันทึกวันเดือนปีเวลาเกิด ของฉือสีไท่โฮ่ว ไว้  เหล่ากงชอบเอามาดูบ่อยๆ เพื่อดูว่า เหล่าเหล่ากงทำอย่างไร ถึงทำให้พระนางเป็นใหญ่ได้นานขนาดนั้น"

ข้าพเจ้าเริ่มสนใจมากขึ้นและเอนตัวเข้าไปชิดเหล่ากง พร้อมกับยกมืออังไฟไปด้วย

"เหล่ากงครับ. ดวงของฉือสีไท่โฮ่ว เป็นยังไงครับ"
" ตี๋น้อย อยากรู้จริงๆหรือ งั้น เหล่ากงจะเอา บันทึกของหลี่หงเฟิง ในห้องสมุดมาอ่านให้ฟังนะ"

เหล่ากงลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปในบ้านตึกหลังใหญ่สีขาว ที่สร้างให้มีด้านหลังยาวออกไป เพราะเหล่ากงเคยบอกว่า
บ้านที่หน้ากว้างแต่หลังแคบ แบบบ้านทั่วไปในสมัยปัจจุบัน เป็นบ้านที่เจ้าของบ้านจะอยู่ได้ไม่นาน มักจะมีการเปลี่ยนมือเจ้าของบ้าน อยู่เสมอๆอาจจะทุกสิบปี หรือทุกห้าปี ดูได้จากคฤหาสน์ ของพวกฝรั่ง ที่จะมีการเปลี่ยนมือกันเสมอๆ เจ้าของเดิมไม่อาจรักษาไว้เป็นของตนได้นาน เป็นสมบัติที่ผลัดกันชม แต่ถ้าเป็นบ้านเศรษฐีจีนสมัยก่อน ถ้าเข้าไปในบ้านจะมีลานกว้างอยู่หน้าบ้านและด้านซ้ายขวา จะเป็นเรือนที่หน้ากว้างหลังสั้น อาจเป็นห้องครัว ห้องคนใช้ ห้องเก็บฟืนหรือห้องลูก แต่ถ้าเป็นห้องของประมุของบ้านจะอยู่ตรงกลางและมักเป็นตึกด้านหลังสุด มีบางบ้านเหมือนกันที่เจ้าบ้านชอบมาอยู่ข้างหน้า แต่ ส่วนใหญ่ตึกหน้าสุดมักจะเป็นห้องรับแขก เพื่อให้ได้รับพลังชี่ที่ดีที่มารวมที่ลานรับแขกและลานหน้าบ้าน

บ้านของเหล่ากงมีอาณาเขตประมาณห้าไร่ กำแพงบ้านทำเป็นแบบจีนโบราณมีสีขาว ข้างในจะมีตึกหน้าที่ใช้รับแขก และด้านข้างซ้ายของบ้านจะเป็นอาคารจอดรถ ส่วนทางด้านขวาจะเป็นศาลที่รวมจู่เอี้ย ต่างๆ ที่เหล่ากงนับถือ บริเวณรอบๆรั้วบ้าน เหล่ากงจะปลูกไผ่น้ำเต้าและต้นโป๊ยเซียนไว้โดยรอบเพื่อความสวยงามและกันคนปีนเข้ามาขโมยของ และในบ้านจะปลูกต้นไม้ที่มีกลิ่นหอมไว้รอบบ้าน เช่น พุดน้ำบุษ  พุดเศรษฐี ปีบ พะยอม ชมมะนาด ราตรี โมก มะลิ บ้านหลังนี้จะห่างจากศาลเจ้าและสุสานเทียนเหมินอู่ที่ฝังคนในครอบครัว ไม่มากนัก พอที่จะเดินไปถึงกันได้

หลังจากหายไปซักพัก เหล่ากงเดินกลับมาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ตาหยี พร้อมกับถือหนังสือปกสีคราม หน้าปกเป็นภาษาจีนมาด้วย กระดาษเป็นสีน้ำตาลอ่อน. 
"นี่ไง. บันทึกของหลี่หงเฟิง"

"เหล่ากง. แปลให้ฟังหน่อยครับ"

เหล่ากงเปิดหนังสือและเริ่มแปลให้ข้าพเจ้าฟัง

"ข้าฯ หลี่หงเฟิง อาลักษณ์ในสมัยของฮ่องเต้ เต้ากวง และฮ่องเต้เสียนเฟิง ปีที่ข้าฯเริ่มบันทึกในหนังสือเล่มนี้เป็นปีเสียนเฟิงที่1 "

"วันที่ข้าบันทึกนี้ เป็นวันที่ท่านผู้ว่าฯเย่เฮ่อนาลาหุ้ยเจิง เมือง อันฮุย ได้นำลูกสาวเย่เฮ่อนาลาหลันเอ๋อร์ มาให้ข้าทำนาย ดวงชะตาเพื่อจะได้รู้ว่า ถ้าหากนำไปถวายตัวให้กับฮ่องเต้แล้ว ชีวิตจะเป็นอย่างไร จะสามารถช่วยกอบกู้ฐานะของครอบครัวได้หรือไม่  นางเป็นสาวน้อยวัยสิบห้าอ่อนกว่าข้าเจ็ดปี. ตอนที่ข้าถูกผู้เฒ่าใหญ่ส่งมาที่ราชสำนักก็อายุเท่าๆกันกับนางในตอนนี้  นางมีใบหน้ารูปไข่ จมูกยาวบ่งบอกถึงความมีบุญวาสนา  ไรผมห่างจากคิ้วมากบ่งบอกถึงความมีสติปัญญาสูง เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบๆไม่ค่อยพูดแต่แววตาแสดงถึงความเฉลียวฉลาดทันคน ซ่อนความทะเยอทะยานที่พยายามปกปิด แต่รังสีจิตที่แผ่ออกมา มันไม่ธรรมดาเลย เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและมุ่งมั่น

ดวงของนาง ผูกได้ดังนี้

หลักปี.                      หลักเดือน.               หลักวัน.             หลักยาม

อิก/บี่                   เต็ง/ไห่.                   อิก/ทิ่ว.              เต็ง/ไห่


อิก ธาตุไม้ เกิดในเดือนไห่ธาตุน้ำ ฤดูหนาว.  ดวงนี้ต้องการไฟมาให้ความร้อน
ดวงชะตาที่แข็งแรง บ่งบอกถึง พลังชีวิตที่เข้มแข็ง และการมีอุณหภูมิที่พอเหมาะ จะส่งเสริมให้ชีวิตก้าวหน้าไปได้
ไฟที่ลอยอยู่บนน้ำในหลักเดือนและหลักยาม เป็นธาตุอิน.  ไฟกับน้ำสู้กัน บิดามารดา และบุตรหลานของนางต้อง
มีชีวิตที่อยู่บนอันตราย  การที่มีปี่เกย(คู่ธาตุพลังเดียวกัน)และมีดิถีที่แข็งแรง และมีเจี๊ยะซิ้ง(ธาตุถ่ายเทพลังเดียวกัน)
นางต้องได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนจึงจะประสบความสำเร็จได้

รูปดวงของสนมหยางกุ้ยเฟย เป็นไฟลอยบนน้ำ ทั้งสี่แถว ดวงนี้มีสองแถว แต่มีธาตุที่กลมกลืน
มีโอกาสที่นางจะได้เป็นพระสนมอยู่นะ แต่อีกสองปีท่านอาจจะต้องหัวหลุดจากบ่าหรือถูกปลดจากราชการ
แต่นางจะได้ดีขึ้น. จำได้ว่าข้าบอกหุ้ยเจิงไปอย่างนั้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น