Translate

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

คนเรานี่ก็เข้าใจผิดกันได้

ผมกับคุณ คนไกล ในเว็บพยากรณ์เป็นคนละคนกันนะครับ

เพราะตัวผมเองไม่ค่อยรู้เรื่องเลขเจ็ดตัวเก้าฐาน 
ผมฝึกฝนมาในเรื่องดวงจีน ราศีจักรและยามกาฬปักษีครับ
และวิชาอื่นก็มีมหาดาราเคลื่อนคล้อยและมหาธรณี แต่อันนี้ไม่ได้แสดงในเว็บพยากรณ์ครับ

วิชายามกาฬปักษี.  มหาธรณี มหาดาราเคลื่อนคล้อย. เป็นวิชาที่อาจารย์ที่อยู่บนสวรรค์ถ่ายทอดให้ผ่านญาณ. เคยเอาไปใช้ในเว็บพยากรณ์แค่วิชายามกาฬปักษีเท่านั้นครับ

ผมไม่ได้เข้าไปตอบในกระทู้ปุจฉาวิสัชนานานแล้ว

วันนี้มาไล่ดู มีท่านที่เคยคุยกันผ่านเมล์

เขียนในกระทู้ในสิ่งที่ผมเคยแสดงวิชาในหลายกระทู้เลย มาเขียนตอบในบล็อกครับ

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

ดวงจักรพรรดิเฉียนหลงฮ่องเต้

เครดิตรูปจาก http://www.skillon.com/articlesNew.cfm/id/2132





ดวงจักรพรรดิเฉียนหลงเป็นดวงที่มีการปะทะในหลักล่างหรือตี่จื้อทั้งหมด
และมีกัวมาขนาบ ตามหลักควรตายตั้งแต่ หนุ่มๆ แต่โชคดีมีอำมาตย์คู่ใจอี้เสี่ยวหลานแก้ไขดวงชะตาไว้ให้
จึงได้มีอายุยืนยาว
การแก้ไข แก้ด้วยฮกกีของพ่อ และแซกีของตัวเองและดวงนี้น่าจะใช้ธาตุดินแก้ไข



หุ้นปตทกับดวงจีน


หุ้นปตทนี่บอกได้เลยว่าน่าจะดูฤกษ์ขายIPO ด้วยดวงจีน เพราะใช้ฤกษ์การตั้งให้รวยแบบสละดิถี
คนที่เกิดมามีรูปดวงคล้ายแบบนี้ ถึงจะเป็นคนจนมาก่อนก็รวยได้

ดูได้จาก กราฟดังนี้


ฤกษ์มั่วๆที่แชร์ต่อกันมา

หมอดูชื่อดังท่านนึง บอกว่าวันที่19 เมษายน2558 เวลา 19.00 - 21.00 น.
เป็นฤกษ์เปิดขุมคลัง

จากฤกษ์ในรูปดวงจีนธาตุดินในราศีล่าง ไม่ได้ปะทะกันตามที่ขีดให้ดูในรูป
และฤกษ์นี้จะให้ผลเต็มที่ในอีก 3 ปีข้างหน้า


ถ้าดูด้วยดวงไทยปัตนิมีดาวกุม4 ดวงเล็งลัคนา(ที่วงไว้)


และดาวราหูดาวเสาร์ประกบ(เบียด)ลัคนา. ใครใช้ฤกษ์นี้ทำการมงคล

จะลำบากมากๆเลยแหละ

ทำให้สงสัยว่าหมอดูชื่อดังมั่วมาหรือมีคนแอบอ้างหมอดูชื่อดังอีกทีหนอ

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

หุ้นbcp กับดวงจีน






หุ้น IRPC กับดวงจีน





หุ้น GJS กับดวงจีน


หุ้นนี้. ในชะตาหุ้นบอกได้ว่า อาจมีการหมุนเงินแบบไม่ปกติของบริษัทด้วย
เพราะธาตุบางตัวแสดงออกมาชัดเจน

หุ้น JAS กับดวงจีน












หุ้นตัวนี้แหละที่ทำให้รู้ว่า ดวงชะตาของคนที่ต่อไปจะรวยเป็นอย่างไร


วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

ดวงชะตาคนเล่นหุ้นได้กำไร

เครดิต ท่านโนวิศแห่งเว็บ payakorn.com

ดวงเล่นหุ้น


สำหรับการเสี่ยงโชคทุกประเภทก็น่าจะเริ่มกันที่คุณลักษณะส่วนตัวก่อนหละกัน ต้องมีความกล้า ตัดสินใจฉับไว อังคารต้องเข้มแข็งอยู่ถูกเรือนด้วยเช่นเรือนสาม สายตาต้องดี อาทิตย์ จันทร์ ศุกร์ ต้องดี ประสาทไว ความคิดไว พุธต้องเข็มแข็ง เป็นต้น เรือนสิบมีดาวบาปเคราะห์แข็งๆ มีแนวโน้มทำงานประเภทที่ไม่ค่อยน่าชื่นชมอย่างการพนัน โดยเฉพาะ มีศุกร์ ราหู ชอบเล่นม้า(จริงเป่าไม่รู้) เรือนหก การแข่งขัน และเจ้าเรือนหก เข้มแข็งดี อยู่ร่วมกับเจ้าเรือนสิบเอ็ด ในเรือนสิบเอ็ด เล่นการพนันแล้วชนะเสมอๆ ถ้าอยู่เรือนสิบสอง เล่นอะไรก็เจ๊ง มันเป็นไปเอง ทำอะไรผิดจังหวะไปหมด เรือนห้าเป็นพลังในการเก็งกำไร เรือนนี้ควรมีศุภเคราะห์ เจ้าเรือนต้องเข้มแข็ง อยู่ถูกที่ ได้โยคเกณฑ์จากศุภเคราะห์ เจ้าเรือนสิบ ในเรือนห้าก็ดี ดูสัมพันธ์ระหว่างเรือนห้ากับเรือนสองด้วย เรือนหนึ่งกับเรือนห้าด้วย เรือนหนึ่งกับเรือนเจ็ดด้วย ต้องดี ถ้าราหูอยู่เรือนห้าหรือเก้าหรือสิบเอ็ด แล้ว เป็นมิตรกับเจ้าเรือนดังกล่าวด้วย คือ ศุกร์ เสาร์ พุธ เลี้ยงชีพจากการเก็งกำไรได้เลย พวกนี้ย่อมาจากตำราของอินเดีย สำหรับทางยูเรเนียนรู้สึกอาจารย์ประยูรจะเคยมีคอร์สพิเศษเรื่องโหราศาสตร์หลักทรัพย์ด้วย ผมเคยยืมอ่านเนื้อหาที่มีคนเขาเก็บเอกสารเอาไว้ วิธีวิเคราะห์ก็คล้ายดวงคน มีการดูดวงโลก เช่นคราส ดวงประเทศด้วยเหมายันต์ ดวงตลาด แล้วก็ดวงของบริษัทจดทะเบียน ตามจังหวะฟ้าและก็ใช้จรสุริยาตร์ จรปัจจุบัน โดยมากก็เป็นแนวคิดหลักการ การนำไปใช้จริงก็ยังไม่เคยได้ยินว่าใครรวยจากการใช้ดวงชะตาไปเล่นหุ้นเลย(อาจจะมีแต่ไม่บอก) ขนาดฝรั่งเขาก็เล่นกันมานานเป็นร้อยปีแล้ว พวกfinancial astrology แต่ที่เอาหลักของโหราศาสตร์ไปปรับใช้ แล้วสำเร็จก็มีหลายคน ที่เป็นตำนานก็เช่น w.d.gan ถึงขนาดมีรูปปั้นเขาอยู่หน้าตลาดด้วย พี่แกทายแม่นมาก บอกทั้งวันที่ และราคาที่ตลาดจะร่วงหรือขึ้นไว้ล่วงหน้าเป็นปี ๆ ค่าคอร์สสอนของเขามูลค่าเท่ากับบ้านหลังหนึ่งในสมัยโน้น สำหรับโครงสร้างดาวแบบ midpoint ที่สัมพันธ์กับการขึ้นหรือลงของหุ้น มีฝรั่งวิจัยไว้ จากหุ้นในตลาดวอลสตรีท และ แนสแด็กซ์ ลองหาซื้อมาอ่านได้ชื่อ planetary stock tranding by Bill Meeridian เขามีวิจัยแล้วlist ไว้ ราวๆ สามสิบสูตร(มั๊ง) ผมคงพิมพ์ให้ไม่ไหว ทางอินเดียเขามีความเชื่อสืบทอดกันมาว่าวันพระจันทร์เต็มดวงกับพระจันทร์ดับเป็นวันที่เจ้าแม่ลักษมีเสร็จออกมาอวยพรนักการพนัน แต่ผมว่านัยยะโบราณเขาอาจจะบอกว่าถ้าเราผูกดวงทั้งสองอาจจะเห็นอะไรๆเกี่ยวกับการพนันนี่ก็ได้ก็ลองสังเกตุกันดู

เรื่องสั้น เหล่ากง ผู้เร้นลับ กับ ข้าพเจ้า ตอน นางพญาซูสีไทเฮา

เรื่องที่คุณอ่านต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์สมมติ.  ตัวละครไม่มีตัวตนอยู่จริง 
เป็นการนำแสดงเพื่อประกอบการอธิบายดวงชะตาตามหลักดวงจีนแบบเจี่ยโหงวเฮ้งเท่านั้น
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่อง ที่แต่งโดย ผู้มีนามปากกา ว่า นักเดา ศิษย์รุ่น 41 แต่มาจบรุ่น 44 เพราะปัญหาสุขภาพ ของท่านอาจารย์ใหญ่เกรียงไกร  ที่มาสิงใน web payakorn.com เรื่องแต่งนี้ถือว่ามีลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย การนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ ต้องอ้างอิงชื่อผู้แต่งด้วยนะครับ. แต่ถ้าเอาไปรวมเล่มขาย ละเมิดลิขสิทธิ์นะครับ

สายลมเย็นๆที่พัดมาแผ่วๆ ที่พัดมาจากเขาไม้แดงที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ในป่าดิบแล้งที่เต็มไปด้วยไม้แดง เต็ง รัง มะค่า.  เมื่อมาสัมผัสกายในยามเช้าของฤดูหนาวช่างเหมือนกับการเอาขวดน้ำดื่มที่แช่เย็นไว้ในตู้เย็น ค่อยๆมาละเลียดตามผิวหนังให้เกิดอาการหนังหดเป็นตุ่มๆ แม้จะมีเสื้อกันหนาวห่อคลุมร่างกายบางส่วนอยู่ แต่สายลมก็ช่างลามเลียซอกซอนไปตามซอกหลืบของร่มผ้า ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านนัก. เราจึงเห็นคนแก่ๆตามชนบทส่วนใหญ่มักจะเก็บฟืนมาจุดไฟเพื่อผิง รับไออุ่นไล่ความหนาว เหล่ากงก็เหมือนกัน ช่วงเช้าๆในหน้าหนาวที่มีเหลนมาอยู่ด้วย ท่านชอบเดินเก็บฟืนด้วยตัวเองจากสวนในบ้านมากองรวมกันและเอาเศษใบไม้มาสุมทับ บางที่ก็มีเศษกระดาษนิดหน่อยเป็นเชื้อให้ไฟติด ไฟจากกองไฟที่ค่อยๆลามเลีย ขอนไม้ทำให้เกิดคราบสีดำๆติดไฟแดงๆและมีเสียงของฟืนแตกเป็นระยะๆ โดยปกติถ้าไม่มีเหลนมาอยู่ด้วย เหล่ากงมักจะรำมวยจีนในช่วงเช้า เพื่อรอให้ป้าชูใจแม่บ้านที่ดูแลบ้านทำอาหารให้เสร็จก่อน แต่พอเหลนมาเหล่ากงมักจะชอบก่อไฟผิงแทน เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับข้าพเจ้าและชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องราวและประสบการณ์ชีวิตของท่านในอดีต

" เหล่ากง ครับ ทำไม เหล่ากง ไม่ไปอยู่ในเมือง ทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ครับ"
" เหล่ากง เบื่อความวุ่นวาย. อยากมีชีวิตที่สงบๆ เหมือนสมัยตอนที่ เหล่ากงนั่งเรือมาถึงเมืองไทยใหม่ๆ ตอนนั้น บ้านเมืองมีแต่ป่าดง อากาศก็สดชื่น น้ำก็ใสสะอาด คนก็มีน้ำใจ ไม่ได้มีชีวิตที่วุ่นวาย เหมือนสมัยนี้"
" เหล่ากงครับ. แล้วทำไม เหล่ากงถึงต้องหนีจากเมืองจีน มาเมืองไทยล่ะครับ"

เหล่ากงกอดไหล่ข้าพเจ้าที่กำลังนั่งหันหน้าผิงไฟอยู่
"ถ้าตี๋น้อยอยากรู้ เหล่ากง จะเล่าให้ฟัง"

" เหล่ากง หนีมาตอนที่ฉือสีไท่โฮ่วตายเมื่อปีกวังซวี่ที่ 33.  เพราะท่านมหาขันที หลี่ เหลียนอิง ได้ถูกพระนางหรงยู่ปลดจากตำแหน่ง. ทำให้. เหล่าเหล่ากง. หลี่หงเฟิง ต้องถูกปลดจากตำแหน่งเจ้ากรมพิธีการ และถูกตามฆ่าจากหยวน ซื่อไข ไปด้วยในฐานะคนสนิทของทั้งท่านหลี่ เหลียนอิง และท่านฉือสีไท่โฮ่ว และเป็นผู้ที่รู้เรื่องการร่วมกันของหยวน ซื่อไขและท่านหลี่ เหลียนอิงในการลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ กวังซวี่ ให้เสียชีวิต ตามคำสั่งของพระนางฉือสี เพื่อป้องกันการปฏิรูปประเทศเลียนแบบพวกฝรั่ง"

" เหล่ากงกับเหล่าเหล่ากง. ต้องแอบซุกตัวในเกวียนขนโลงศพของคนรับใช้สองคนที่ยอมฆ่าตัวตายเพื่อให้พวกเราสามารถหนีออกจากจื่อจิ้นเฉิง(พระราชวังต้องห้าม)ได้"

"ที่หยวน ซื่อไข ต้องตามฆ่าเราเพราะนอกจากรู้ความลับแล้ว. เหล่าเหล่ากงยังเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการครองอำนาจอันยาวนานของพระนางฉือสี ด้วยวิชาฮวงจุ้ยประจำตระกูลหลี่แห่งกวางซี ที่หยวน ซื่อไขต้องกำจัดให้ได้เพื่อล้ม ราชวงศ์ชิง ที่เขาเกลียดหนักหนา เพราะถูกหลอกจากพระนางว่าจะให้เป็นใหญ่ถ้าทำลายพวกนิยมฝรั่งและฝรั่งได้ สุดท้ายพระนางกลับมาคบฝรั่งและถีบหัวส่ง  หยวน ซื่อไขเลย อาฆาต ราชวงศ์มาแต่นั้น"

ข้าพเจ้าในตอนนั้นสงสัยเหลือเกินว่า วิชาฮวงจุ้ย นำมาใช้ในการครองบัลลังก์อันยาวนานของพระนางฉือสีไท่โฮ่ว ได้อย่างไรกัน ไม่ใช่เพราะพระนางเป็นคนเก่งและมีคนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ ช่วยในการบริหารหรอกหรือ. ที่ทำให้พระนางสามารถอยู่ยั้งยืนยงได้ขนาดนั้น

" แล้ว เหล่าเหล่ากง ทำยังไงครับ ถึงช่วยพระนางได้ยาวนานขนาดนั้น"

เสียงของฟืนที่แตกเป็นระยะๆ พร้อมกับประกายไฟที่กระเด็น ออกมาทำให้ข้าพเจ้านึกถึง พลุที่ขายตามร้านเวลาที่จุดแล้วจะมีประกายไฟที่กระจายออกมาทางก้นแล้วส่งตัวของพลุ ให้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า การที่พลุจะขึ้นสูงไปได้ต้องมีอีกด้านที่ไปในฝั่งตรงข้ามเพื่อส่งให้พลุสูงขึ้นไปเรื่อยๆ. เมื่อมีคนกลุ่มนึงรวยขึ้นมากๆก็จะมีคนอีกกลุ่มที่จนลงมากๆ. เมื่อมีคนกลุ่มนึงที่มีอำนาจขึ้นมากๆก็จะมีคนอีกกลุ่มนึงที่ถูกกดขี่มากๆ  มันคงเป็นสิ่งที่ธรรมชาติพยายามที่จะรักษาสมดุลไว้ละมัง

" ฉือสีไท่โฮ่ว. เกิดในปีเต้ากวงที่ 15 เป็นลูกของหุ้ยเจิง กับฟู่ฉา ในตระกูล เย่เฮ่อนาลา ที่ในตำนานของแมนจูเคยกล่าวไว้ว่า. คนที่จะทำลายราชวงศ์ชิง ต้องเป็นชื่อนี้ เพราะเป็นคำสาป จากตั้งแต่สมัยนรูฮาชี หรือองค์ไท่จูแห่งเสิ่นหยางผู้นำเผ่าที่เข้มแข็งเป็นเหล่าเหล่ากงของฮ่องเต้คังซี ขุนนางแมนจูคนนึงได้รบเพื่อชาติอย่างถวายชีวิต แต่ถูกใส่ร้ายป้ายสีจนถูกประหารชีวิต ก่อนตาย ได้สาปแช่งตระกูลของนรูฮาชีไว้ ว่าถ้าได้เป็นฮ่องเต้มีราชวงศ์ ก็ขอให้ล่มสลายด้วย เย่เฮ่อนาลา"

"บรรพบุรุษ ของเหล่าเหล่ากง. หลี่ต้าฝู เป็นผู้ที่วางผังออกแบบสุสานให้กับนรูฮาชี เพราะบุญคุณที่นรูฮาชี เคยช่วยเหลือตระกูลให้รอดพ้นจากการถูกฮ่องเต้ของราชวงศ์หมิงสั่งคนมาฆ่ายกตระกูล เพื่อจะทำลายสายตระกูลหลี่แห่งกวางสี ให้หมดสิ้นไป เพื่อไม่ให้ใครมาล้มบัลลังก์ได้อีก ทำให้ช่วงนั้นคนทั้งตระกูลต้องหลบภัยจากฮ่องเต้ ไปอยู่ที่เสิ่นหยาง เมืองหลวงของแมนจูในตอนนั้น และได้รับการคุ้มครองจากทั้งองค์ไท่จู องค์ไท่จง ฮ่องเต้ซุ่นจื้อ และสุดท้ายได้กลับมากวางสีกันในสมัยฮ่องเต้คังซี"

"ในบันทึกของหลี่หงเฟิงหรือเหล่าเหล่ากง. ได้บันทึกวันเดือนปีเวลาเกิด ของฉือสีไท่โฮ่ว ไว้  เหล่ากงชอบเอามาดูบ่อยๆ เพื่อดูว่า เหล่าเหล่ากงทำอย่างไร ถึงทำให้พระนางเป็นใหญ่ได้นานขนาดนั้น"

ข้าพเจ้าเริ่มสนใจมากขึ้นและเอนตัวเข้าไปชิดเหล่ากง พร้อมกับยกมืออังไฟไปด้วย

"เหล่ากงครับ. ดวงของฉือสีไท่โฮ่ว เป็นยังไงครับ"
" ตี๋น้อย อยากรู้จริงๆหรือ งั้น เหล่ากงจะเอา บันทึกของหลี่หงเฟิง ในห้องสมุดมาอ่านให้ฟังนะ"

เหล่ากงลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปในบ้านตึกหลังใหญ่สีขาว ที่สร้างให้มีด้านหลังยาวออกไป เพราะเหล่ากงเคยบอกว่า
บ้านที่หน้ากว้างแต่หลังแคบ แบบบ้านทั่วไปในสมัยปัจจุบัน เป็นบ้านที่เจ้าของบ้านจะอยู่ได้ไม่นาน มักจะมีการเปลี่ยนมือเจ้าของบ้าน อยู่เสมอๆอาจจะทุกสิบปี หรือทุกห้าปี ดูได้จากคฤหาสน์ ของพวกฝรั่ง ที่จะมีการเปลี่ยนมือกันเสมอๆ เจ้าของเดิมไม่อาจรักษาไว้เป็นของตนได้นาน เป็นสมบัติที่ผลัดกันชม แต่ถ้าเป็นบ้านเศรษฐีจีนสมัยก่อน ถ้าเข้าไปในบ้านจะมีลานกว้างอยู่หน้าบ้านและด้านซ้ายขวา จะเป็นเรือนที่หน้ากว้างหลังสั้น อาจเป็นห้องครัว ห้องคนใช้ ห้องเก็บฟืนหรือห้องลูก แต่ถ้าเป็นห้องของประมุของบ้านจะอยู่ตรงกลางและมักเป็นตึกด้านหลังสุด มีบางบ้านเหมือนกันที่เจ้าบ้านชอบมาอยู่ข้างหน้า แต่ ส่วนใหญ่ตึกหน้าสุดมักจะเป็นห้องรับแขก เพื่อให้ได้รับพลังชี่ที่ดีที่มารวมที่ลานรับแขกและลานหน้าบ้าน

บ้านของเหล่ากงมีอาณาเขตประมาณห้าไร่ กำแพงบ้านทำเป็นแบบจีนโบราณมีสีขาว ข้างในจะมีตึกหน้าที่ใช้รับแขก และด้านข้างซ้ายของบ้านจะเป็นอาคารจอดรถ ส่วนทางด้านขวาจะเป็นศาลที่รวมจู่เอี้ย ต่างๆ ที่เหล่ากงนับถือ บริเวณรอบๆรั้วบ้าน เหล่ากงจะปลูกไผ่น้ำเต้าและต้นโป๊ยเซียนไว้โดยรอบเพื่อความสวยงามและกันคนปีนเข้ามาขโมยของ และในบ้านจะปลูกต้นไม้ที่มีกลิ่นหอมไว้รอบบ้าน เช่น พุดน้ำบุษ  พุดเศรษฐี ปีบ พะยอม ชมมะนาด ราตรี โมก มะลิ บ้านหลังนี้จะห่างจากศาลเจ้าและสุสานเทียนเหมินอู่ที่ฝังคนในครอบครัว ไม่มากนัก พอที่จะเดินไปถึงกันได้

หลังจากหายไปซักพัก เหล่ากงเดินกลับมาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ตาหยี พร้อมกับถือหนังสือปกสีคราม หน้าปกเป็นภาษาจีนมาด้วย กระดาษเป็นสีน้ำตาลอ่อน. 
"นี่ไง. บันทึกของหลี่หงเฟิง"

"เหล่ากง. แปลให้ฟังหน่อยครับ"

เหล่ากงเปิดหนังสือและเริ่มแปลให้ข้าพเจ้าฟัง

"ข้าฯ หลี่หงเฟิง อาลักษณ์ในสมัยของฮ่องเต้ เต้ากวง และฮ่องเต้เสียนเฟิง ปีที่ข้าฯเริ่มบันทึกในหนังสือเล่มนี้เป็นปีเสียนเฟิงที่1 "

"วันที่ข้าบันทึกนี้ เป็นวันที่ท่านผู้ว่าฯเย่เฮ่อนาลาหุ้ยเจิง เมือง อันฮุย ได้นำลูกสาวเย่เฮ่อนาลาหลันเอ๋อร์ มาให้ข้าทำนาย ดวงชะตาเพื่อจะได้รู้ว่า ถ้าหากนำไปถวายตัวให้กับฮ่องเต้แล้ว ชีวิตจะเป็นอย่างไร จะสามารถช่วยกอบกู้ฐานะของครอบครัวได้หรือไม่  นางเป็นสาวน้อยวัยสิบห้าอ่อนกว่าข้าเจ็ดปี. ตอนที่ข้าถูกผู้เฒ่าใหญ่ส่งมาที่ราชสำนักก็อายุเท่าๆกันกับนางในตอนนี้  นางมีใบหน้ารูปไข่ จมูกยาวบ่งบอกถึงความมีบุญวาสนา  ไรผมห่างจากคิ้วมากบ่งบอกถึงความมีสติปัญญาสูง เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบๆไม่ค่อยพูดแต่แววตาแสดงถึงความเฉลียวฉลาดทันคน ซ่อนความทะเยอทะยานที่พยายามปกปิด แต่รังสีจิตที่แผ่ออกมา มันไม่ธรรมดาเลย เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและมุ่งมั่น

ดวงของนาง ผูกได้ดังนี้

หลักปี.                      หลักเดือน.               หลักวัน.             หลักยาม

อิก/บี่                   เต็ง/ไห่.                   อิก/ทิ่ว.              เต็ง/ไห่


อิก ธาตุไม้ เกิดในเดือนไห่ธาตุน้ำ ฤดูหนาว.  ดวงนี้ต้องการไฟมาให้ความร้อน
ดวงชะตาที่แข็งแรง บ่งบอกถึง พลังชีวิตที่เข้มแข็ง และการมีอุณหภูมิที่พอเหมาะ จะส่งเสริมให้ชีวิตก้าวหน้าไปได้
ไฟที่ลอยอยู่บนน้ำในหลักเดือนและหลักยาม เป็นธาตุอิน.  ไฟกับน้ำสู้กัน บิดามารดา และบุตรหลานของนางต้อง
มีชีวิตที่อยู่บนอันตราย  การที่มีปี่เกย(คู่ธาตุพลังเดียวกัน)และมีดิถีที่แข็งแรง และมีเจี๊ยะซิ้ง(ธาตุถ่ายเทพลังเดียวกัน)
นางต้องได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนจึงจะประสบความสำเร็จได้

รูปดวงของสนมหยางกุ้ยเฟย เป็นไฟลอยบนน้ำ ทั้งสี่แถว ดวงนี้มีสองแถว แต่มีธาตุที่กลมกลืน
มีโอกาสที่นางจะได้เป็นพระสนมอยู่นะ แต่อีกสองปีท่านอาจจะต้องหัวหลุดจากบ่าหรือถูกปลดจากราชการ
แต่นางจะได้ดีขึ้น. จำได้ว่าข้าบอกหุ้ยเจิงไปอย่างนั้น


วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

เรื่องสั้น เหล่ากง ผู้เร้นลับ กับข้าพเจ้า ตอน ดวงชะตา บิลล์เกตส์

เอาเรื่องสั้น มาสรุปรวมกันใน ความเห็นเดียวกัน ครับ จะได้อ่านอย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด
เพื่อให้ได้อรรถรส. ในการอ่านจึงขอแต่งเป็นนิยาย เพื่อบางท่านที่อาจจะไม่ชอบในเรื่องวิชาการล้วนๆ
อ่านแล้ว ได้มีความสุขในการศึกษา ดวงจีน ตามไปด้วยครับ อิอิ
เรื่องที่คุณอ่านต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์สมมติ. ตัวละครไม่มีตัวตนอยู่จริง
เป็นการนำแสดงเพื่อประกอบการอธิบายดวงชะตาตามหลักดวงจีนแบบเจี่ยโหงวเฮ้งเท่านั้น
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่อง ที่แต่งโดย ผู้มีนามปากกา ว่า นักเดา ที่มาสิงใน web payakorn.com เรื่องแต่งนี้ถือว่ามีลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย การนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ ต้องอ้างอิงชื่อผู้แต่งด้วยนะครับ. แต่ถ้าเอาไปรวมเล่มขาย ละเมิดลิขสิทธิ์นะครับ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่ามาที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้. ทำให้ไฟฟ้าภายในศาลเจ้าเทียนเหมินอู่ดับลง คาดว่าน่าจะเกิดจากต้นไม้ หักล้มทับ สายไฟฟ้าขาด ลมที่พัดแรงมาตั้งแต่หัวค่ำ ทำให้ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่โดยรอบไหวเอนไปมาจนน่าเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุต้นไม้หักโค่นลงมาได้
ด้วยภูมิประเทศที่เป็นที่ลาด และเปล่าเปลี่ยวห่างไกลผู้คน ศาลเจ้าเล็กๆแห่งนี้ ที่อยู่เชิงเขาไม้แดง ทางภาคตะวันออกของประเทศ จึงเป็นเหมือนสถานที่ พักพิงของผู้ที่ต้องการความสงบอย่างแท้จริง
"ตี๋น้อย เอ้ย จุดตะเกียงเจ้าพายุ ให้เหล่ากงหน่อย. มันมืด เหล่ากง มองไม่เห็น กำลังอ่านตำราจื่อเพ้ง อยู่"
"ครับ เหล่ากง เดี๋ยวผมเอามาให้ครับ" ว่าแล้ว ข้าพเจ้าก็ถือไฟฉายส่องทางเข้าไปในห้องเก็บของที่อยู่ทางด้านหลังของศาลเจ้า ประตูที่ทาสีแดงและมีธรณีประตูทำให้ข้าพเจ้าเดินสะดุดเล็กน้อยเพราะความมืด ก่อนที่จะไปเจอตะเกียง อยู่ข้างบนถังข้าวสาร และรีบนำกลับไปให้เหล่ากงโดยเร็ว
ข้าพเจ้ายื่นตะเกียงที่จุดไฟแล้วให้กับเหล่ากง. เบื้องหน้าของข้าพเจ้านั้นคือชายชรารูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาวมีตกกระเล็กน้อย ผู้มีรอยยิ้มที่แสดงถึงความใจดีอยู่เป็นนิตย์ ท่านเคยรับราชการเป็นอาลักษณ์ ในสมัยราชวงศ์ชิงในยุคของพระนางซูสีไทเฮากุมอำนาจอยู่เบื้องหลัง โดยการฝากเข้าทำงานโดยบิดาบุญธรรมของท่านที่เป็นขันทีในกรมพิธีการฯ ต่อเมื่อสมัยที่เกิดสงครามญี่ปุ่นบุกเข้ากุมอำนาจในวังหลวง เหล่ากงเลยจำเป็นต้องหนีออกมา พึ่งพระบรมโพธิสมภาร. โดยช่วงแรกที่มาถึงเมืองไทยทำงานเป็นจับกังก่อน พอเถ้าแก่รู้ว่ารู้หนังสือ ก็เลยให้มาทำบัญชี และคอยทำเอกสารส่งโพยก๊วน ไปเมืองจีน พอเริ่มสะสมเงินได้ เหล่ากงก็ออกมาทำธุรกิจเอง เป็นโรงน้ำปลาแถวภาคตะวันออก
ในช่วงเหล่ากงยังแข็งแรงอยู่ ท่านชอบซื้อที่ดินเพื่อสะสม เพราะในสมัยนั้นที่ดินยังมีราคาถูก ที่ดินที่ท่านสนใจจะเป็นที่ติดแหล่งชุมชน ที่ติดท่าเรือ หรือที่ที่มีแนวโน้มว่าจะเจริญ. และที่ที่เหล่ากงอยากได้มากๆคือที่สำหรับทำสุสานของตัวเอง ซึ่งเหล่ากงได้ไปดูมาหลายที่จนได้ที่เขาไม้แดงแห่งนี้ และได้สร้างศาลเจ้าเทียนเหมินอู่ เพื่อเป็นเจ้าคุ้มครอง และเหล่ากง ได้ขอลูกหลาน ย้ายมาอยู่กับศาลเจ้านี่ เพราะต้องการอยู่อย่างสงบ จาก อาม่าที่เป็นสะใภ้ ที่ปากร้าย จนกระทั่งอาม่าเสียไป เหล่ากง ก็ไม่ยอมกลับ เพราะติดที่และมีเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร. เหลนอย่างข้าพเจ้าจึงมักขอมาเยี่ยมในช่วงวันหยุดหรือช่วงปิดเทอมเสมอ
"ตี๋น้อย. รู้ไหมว่า ตำราจื่อเพ้งคืออะไร"
"ไม่รู้ครับ เหล่ากง"
"เป็นตำราที่มีคนแต่งไว้ให้เป็นคู่มือเบื้องต้นในการดูดวงไง"
"แล้วดูดวงไปเพื่ออะไรครับ"
เหล่ากงหัวเราะจนตัวคลอน
"ตอนนี้ ตี๋น้อย ยังเด็ก ยังไม่รู้หรอกว่า ในอนาคต เวลาที่เรียนจบแล้ว ต้องมาทำงาน
ชีวิต มันไม่สุขสบาย เหมือนตอนอยู่กับ พ่อ แม่ หรือ เหล่ากง นา"
"ชีวิตมันต้องต่อสู้ฝ่าฟันกับอุปสรรคต่างๆ ทั้งจากเพื่อน เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกค้า สารพัด
ถ้าไม่รู้ดวงตัวเอง ก่อน. ก็จะไม่รู้ว่าทำอะไรแล้วจะรุ่ง ถ้าทำผิดอาจจะรุ่งริ่งเอานา ตี๋"
"แล้วทำไมป๊า ไม่เห็นดูดวงเลย แต่ก็รุ่งเอ๊า รุ่งเอาล่ะครับ"
"ป๊าของตี๋. มันชอบแอบมาดู เวลามันมามันไม่บอกใครหรอก มันมาคนเดียว กลัวว่าลูกน้อง กับแม่ของตี๋
จะหาว่างมงาย. มันเป็นพวกกลัวเสียหน้าน่ะสิ"
"อ้าว พึ่งรู้นะครับ วันหลังต้องแซวหน่อยแระ"
"ถ้าเหล่ากงว่า ดูดวง แล้วดี เหล่ากง. พิสูจน์ ให้ดูหน่อยสิ ว่ามีใคร ทำตามดวงแล้วดีบ้างครับ"
สายลมพัดเข้ามาจากบานหน้าต่างด้านหลังเหล่ากง แผ่วๆ ทำให้กลิ่นคนแก่ โชยมาอ่อนๆ กลิ่นนี้จะเป็นกลิ่นเฉพาะของคนที่มีอายุเยอะๆ เพราะจะเป็นกลิ่นสาบๆเล็กน้อย เสริมกับแสงสีนวลส้มของตะเกียงเจ้าพายุ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนเหล่ากง ตัวใหญ่ขึ้นไปอีกหน่อย แม้เหล่ากงจะมีอายุเกินร้อยแล้ว และเป็นเหมือนสิ่งมหัศจรรย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่หูตายังดี อยู่ การเดินเหินคล่องแคล่ว เหมือนคนอายุสักหกสิบ เจ็ดสิบ เพราะอากงชอบฝึกชี่กง มาตั้งแต่หนุ่มๆ และมีบางอย่างที่ข้าพเจ้ายังไม่รู้ที่ทำให้อากงแข็งแรงมากเกินกว่าคนในวัยนี้
"ตี๋น้อย อยากให้เหล่ากง ทายดวงใครล่ะ"
ข้าพเจ้าเหลือบไปเห็นหนังสือ ไอ้หนุ่มอัจฉริยะพันล้าน ปกสีเหลือง ที่หน้าปกเป็นรูป บิลล์เกตส์ หันด้านขวาให้กล้อง หนังสือเล่มนี้ พึ่งออกมาเมื่อ ปี 34 ปีที่แล้วนี่เอง. ต้องคนนี้แหละ เพราะที่ได้อ่านไปครึ่งเล่มเมื่อวานนี้ก็น่าสนใจมากๆ ตอนนั้นแม้ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ในช่วงประถมปลาย แต่ก็มีความกระหายใคร่รู้ในการอ่านหนังสือต่างๆ มากกว่าเด็กทั่วไป และชอบเก็บเงินค่าขนม ไปซื้อหนังสือที่สนใจมาอ่านเป็นประจำ
"บิลล์ เกตส์ครับ เหล่ากง"
"เป็นใคร เหล่ากง ไม่เคยได้ยินชื่อ"
ข้าพเจ้าชี้ไปที่หน้าปก
"คนนี้ไงครับ. คนที่ทำปากจู๋ๆ ที่อยู่หน้าปกนี่ไงครับ"
"จู๋ใหญ่ หรือ จู๋เล็ก ล่ะ"
เหล่ากงทำตาเจ้าเล่ห์และทำปากจู๋ไปด้วย
"อะไรกัน เหล่ากง มีมุขนะเดี๋ยวนี้"
"แล้วมีวันเดือนปีเวลาเกิด รึเปล่าล่ะ"
"ขอเปิดดูก่อนนะครับ. 28 ตุลาคม 1955 ครับ เหล่ากง"
"เดี๋ยวเหล่ากง ไปหยิบ ปฏิทินเซี่ยลี่มาเทียบก่อนนะ.
อือ. เกิดวัน. ยิ้มสุก. เกิดเดือน. เ***ยสุก. เกิดปี อิกบี่ แต่ไม่รู้เวลาเกิดแฮะ "
เหล่ากงเกาหัวแกรกๆ และเดินไปเกาะขอบหน้าต่างพลางมองออกไปในความมืด
"ไม่รู้เวลาเกิด แต่รู้ว่ามีตังค์เยอะๆ. ดวงนี้จะต้องมีกระแสที่หนุนเนื่อง ไม่งั้น ไม่มีทางรวยมากๆได้หรอกนา"
"แล้วเหล่ากงจะดูยังไงครับ"
"ต้องดูว่าจริงๆแล้วใครที่เป็น ผู้อุปถัมภ์ เจ้าชะตาอยู่ เพราะตามดวงนี้ ถ้าไม่มีธาตุทองที่รับกระแสจากธาตุดินมา ดวงนี้จะเป็นคนยากจนมาก และชีวิตต้องอยู่กับพวกนักเลงอันธพาล ถ้าทองอยู่ยามตัวล่าง เจ้าชะตา ก็ไม่น่าจะรวยได้เพราะตัวบนจะเป็นดินที่ข่มชะตา แต่ถ้าทองอยู่ตัวบน ก็จะเป็นได้สองตัว คือ แก กับซิน ถ้าเป็นแก คนสนับสนุน ต้องเป็นแม่เลี้ยง"
"ตี๋น้อยเอ้ย เหล่ากงถามหน่อย ว่าที่อ่านประวัติ นี่ เขายังมีแม่อยู่ไหม แล้วแม่ของเขามีอิทธิพลต่อเขามากไหม"
"มีมากเลยครับ เพราะแม่ของเขาเป็นคนที่ ชวนผู้ปกครองในโรงเรียน เลคไชร์ ให้ลงขั้นกันซื้อมินิคอมพิวเตอร์ ประจำโรงเรียนครับ. ทำให้เขาได้มีโอกาส ฝึกฝน วิชาคอมพิวเตอร์จนเก่งและสร้างธุรกิจ ขึ้นมาได้ครับ"
ข้าพเจ้าเริ่มสงสัยว่า เหล่ากง ทำไมต้องถามประวัติของเจ้าชะตาขนาดนั้น ถ้าไม่รู้เวลาเกิด ก็ทายเฉพาะ วันเดือนปีเกิด ไม่ได้หรือ และเริ่มเห็นเหล่ากง หยิบกระดาษ ออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน. และใช้ปากกาหัวแร้ง สีดำ ออกมาเขียนเป็นภาษาจีน เป็นเจ็ดแถว. โดยแบ่ง สี่แถว อยู่ทางขวา และ สามแถว อยู่ทางซ้าย. และเขียน ภาษาจีนขยุกขยุย เป็นแถวๆลงมาข้างล่างอีกแถวนึง.
"เหล่ากง เขียนอะไรอยู่ครับ"
"เหล่ากง กำลังตั้งดวง. ของคนที่ตี๋น้อย ให้ทายดูสิ. เพราะไม่รู้เวลาเกิดเหล่ากงถึงต้องมาตั้งดวงดูว่า คนๆนี้ ควรจะเกิดเวลาเท่าไหร่ ถึงจะรวยได้. เพราะดวงจีนเป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ ระหว่างธาตุที่มีอยู่ในตัวของบุคคลนั้นๆ เพื่อจะได้นำมาวิเคราะห์ดูว่าคนๆนั้นจะมีชีวิตเป็นยังไง. การที่คนๆนึงมีดวงชะตาที่ดีได้ จะต้องมีความกลมกลืนกันของธาตุในชะตา และมีดิถีที่แข็งแรงเพื่อให้สามารถรับ ในสิ่งดีๆที่เข้ามาได้"
"เหล่ากง มั่วรึเปล่าครับ"
ข้าพเจ้าสงสัยในใจว่าเหล่ากงเอาหลักอะไรมาคิดเพื่อให้สามารถหายามเกิดได้.
เหล่ากง หัวเราะ ยิ้มปากกว้าง ตาหยี และกางมือออกทั้งสองข้าง. เดินเข้ามาจับบ่าของข้าพเจ้าอย่างเบาๆ
" มา ตี๋น้อย. เหล่ากง จะอธิบายให้ฟัง. ว่า ที่มาของของการคิดของเหล่ากงเป็นยังไงนะ"
เหล่ากง หยิบกระดาษสีขาวออกมาจากลิ้นชัก อีกแผ่น แล้วใช้ปากกาหัวแร้ง วาดวงกลมหนึ่งวง
"ตี๋น้อย วิชาดวงจีน นี่ไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆในการพัฒนานะ มันเป็นภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษชาวจีน สั่งสมกันมาหลายๆรุ่น. เริ่มจากสมัยปฐมจักรพรรดิที่เป็นผู้รวบรวมแผ่นดินจีนขึ้นมา ท่านได้คิดปฏิทินหนงลี่ หรือปฏิทินเกษตรขึ้นมา เป็นการปรับปรุงจากของเดิม สมัยที่จีนยังเป็นชนเผ่าหลายๆเผ่าและใช้ระบบต่างๆกันอยู่ แล้วจึงได้มาปรับเป็นระบบสี่แถว"
"แล้วมันใช้ทำอะไรได้บ้างครับ"
เหล่ากง ยิ้มให้ข้าพเจ้าด้วยความเอ็นดู. แสงไฟจากตะเกียงเจ้าพายุไหวเล็กน้อย ทำให้มองหน้า เหล่ากงเป็นแบบเบลอๆ
"สมัยก่อน สิ่งสำคัญที่สุดคือ เสบียงอาหาร เพราะคนเราต้องกินข้าวทุกวัน. แต่การเกี่ยวข้าวไม่ได้ทำทุกวัน จำเป็นจะต้องมีการเพาะปลูกเพื่อเก็บสะสม แต่การเพาะปลูกจำเป็นจะต้องรู้ในเรื่องฤดูกาล ว่าช่วงใดเพาะปลูกจึงจะได้ผล. นักบวชในลัทธิเต๋า จึงนำปฏิทิน หนงลี่ มาวิเคราะห์ จนสามารถทำนายทายทักได้ว่า ปีใดน้ำจะมาก น้ำจะน้อย หรือเกิดอะไรขึ้น กับการเพาะปลูกในอนาคต ทำให้ชาวนา นับถือในปฏิทินหนงลี่มาก เนื่องจากปฏิทินนี้คิดค้นขึ้นมาในสมัยราชวงศ์เซี่ย คนในปัจจุบัน บางคนจึงเรียกว่า ปฏิทิน เซี่ยลี่"
"ต่อมาเมื่อมีการทำสงครามกัน ปฏิทินเซี่ยลี่ ที่ถูกปรับปรุงแล้ว ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับ การคัดเลือกคนที่จะมารับตำแหน่ง ที่สำคัญทั้ง ทางการทหารและการเมือง เพราะนอกจากในเรื่องความสามารถแล้ว. เรื่องโหราศาสตร์จะมีผลสำคัญ ต่อการตัดสินใจเลือกคนที่จะให้มารับตำแหน่งของคนในสมัยโบราณมาก หลายกรณีมีการบันทึกดวงชะตาไว้ในตำราจื่อเพ้ง. หรือในตำราอื่นๆ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากัน"
"เหล่ากง. เล่ามาเยอะแล้ว เมื่อไหร่จะดูดวงของ บิลล์ เกตส์ ซักทีครับ"
ข้าพเจ้าถามไป
"เอาล่ะ. เดี๋ยว เหล่ากงจะอ่าน ดวงให้ตี๋น้อยฟัง"
"บิลล์ เกตส์. เป็นคนที่มีรูปดวงที่มีธาตุไฉ่โขวเด่น. แต่ไฉ่โขวนี้ เป็นธาตุกลุ่มกัวในชะตาทำให้บุคลิกของเจ้าชะตาจะเป็นคนที่ค่อนข้างก้าวร้าว และมีความเจ้าคิดเจ้าแค้น พยาบาท ตามหลักแล้วแล้วถ้าไม่มีธาตุกลุ่มอิ่งคอยสนับสนุน ยากที่จะรวยมหาศาลได้ เพราะชะตาจะขาดกำลัง อย่างดีก็มีเพื่อนที่รวยมากๆ แต่การจะรวยเองไม่ใช่ง่ายเลย เพราะดิถีไม่มีกำลัง"
"เหล่ากง ถึงได้ถามไงว่า ชีวิตของเขาแม่มีบทบาทกับชีวิตมากแค่ไหน"
เสียงฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง. ห่างออกไปทางทิศตะวันออก. แสงของฟ้าที่ผ่า แวบเข้ามาในศาลเจ้า ทำให้เกิดเงาตะคุ่มๆ เหมือนมีคนยืนอยู่ตรง หลังรูปปั้น ขององค์ ไถ้บ่อเนี๊ยะ ที่เป็นเทพเจ้ารักษาตระกูล ที่เหล่ากงเคารพบูชามาก จนกระทั่งต้องจ้างคนแกะสลักจากไม้แก่นจันทร์แดง ปิดทองลงสีอย่างสวยงาม เลียนแบบตามรูปวาดที่พ่อบุญธรรมของ เหล่ากง ได้มอบไว้ให้ก่อนตาย ปลุกเสกด้วยนักพรตเต๋าสำนักหลงเหมิน ที่ยังหลุดรอดจากการกวาดล้างของพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วส่งลงเรือมาจากเมืองจีน เมื่อห้าสิบปีที่แล้ว
เหล่ากงบอกว่า ต้นกำเนิดของตระกูลอยู่ที่ ซัวเถา พ่อแท้ๆของเหล่ากง เกิดที่นั่น. แต่เนื่องจากความยากจนในสมัยนั้น ทำให้พ่อกับแม่แท้ๆ ต้องขายเหล่ากง ให้กับพ่อบุญธรรม ที่เป็นขันที ในกรมอาลักษณ์ ซึ่งเป็นคนกวางสี และเลี้ยงดูเหล่ากงมาตั้งแต่แบเบาะเหมือนลูกคนนึง. ตอนอายุ สิบห้า พ่อบุญธรรมเคยพาไปหา พ่อแม่แท้ๆครั้งหนึ่ง แต่ได้ทราบว่า พ่อและแม้แท้ๆ ป่วยเป็น กาฬโรค ตายไปก่อนหน้าแล้ว เหล่ากงจึงถือว่า องค์ไถ้บ่อเนี๊ยะ เป็นเหมือนตัวแทนของบิดามารดา เพราะรูปวาดที่พ่อบุญธรรมมอบให้ ท่านได้ไปวาดลอกเลียนจากศาลปุนเถ้ากง ประจำหมู่บ้านของพ่อแม่แท้ๆ ที่ซัวเถา เพื่อเป็นตัวแทนให้เหล่ากง ได้เคารพแทนพ่อและแม่ที่เสียไปแล้ว
พ่อบุญธรรมของเหล่ากงเป็นขันที เนื่องจากทางราชสำนัก ต้องการคนที่มีความรู้ในเรื่องฮวงจุ้ยและโหราศาสตร์ ซึ่งในสมัยนั้น ตระกูลผู้สืบทอดวิชาฮวงจุ้ยทางกวางสี ถือว่าเป็นแหล่งชุมนุมของผู้มีวิชาด้านนี้อันดับหนึ่งของแผ่นดิน และได้มีใบบอกให้ตระกูลของพ่อบุญธรรมของเหล่ากงส่งลูกหลานไปรับใช้ราชสำนัก ทางผู้นำตระกูล จึงส่งท่านที่เป็นลูกชายคนเล็กไป แต่เนื่องจากไปแสดงวิชาเด่นเกินหน้า ผู้มีวิชาแต่เดิม ตัวท่านจึงโดนใส่ร้าย ว่าเป็นชู้กับพระสนม จึงถูกตอน จนแทบเอาชีวิตไม่รอด ภายหลังได้มีการสืบสวนใหม่พบว่าไม่จริง ผู้ถูกใส่ร้าย จึงถูกประหารชีวิต ส่วนท่านได้เป็นเจ้ากรมพิธีการเป็นการปลอบใจ
" บิลล์ เกตส์ มีดิถีเป็น ยิ้มสุก. หลักเดือน. เปี้ยสุก. หลักปี อิกบี่. ถ้า ตี๋น้อยบอกว่า แม่มีอิทธิพลต่อเขามาก เหล่ากงจะมองว่า ธาตุที่เป็นแม่แท้ คือ เจี่ยอิ่ง จะเป็นธาตุสำคัญ ยามเกิดต้องเป็นเจี่ยอิ่ง ถ้าใช้เจี่ยอิ่งที่ตัวล่างจะได้ หลักยาม เป็น กี้อิ้ว. ซึ่งไม่มีทางที่จะรวยอย่างมหาศาลได้ เพราะ กี้ เป็นเพียงกัว ที่ทำให้เจ้าชะตามีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากมากๆ. ยากที่จะสร้างตัวให้ร่ำรวยได้. เหล่ากง เลยวาง เจี่ยอิ่ง ไว้ที่ตัวบน. จะได้เป็น ซิน ไห่. ซึ่งจะทำให้ เกิดการถ่ายเท พลังจาก สุกที่เป็นกัวธาตุดิน มาที่ ซินที่เป็นทอง และซินส่งพลังมาให้กำเนิด ยิ้ม ดิถีมีความแข็งแรงขึ้นอย่างมาก ร่วมกับไห่ที่เป็นน้ำมาเป็นฐานเสริมความแข็งแรงของดิถียิ้ม จนสามารถรับความร่ำรวยได้"




ข้าพเจ้าสงสัยเป็นอย่างมากว่า แต่ละตัวที่ เหล่ากง อธิบายมานั้นคือ อะไร เด็กในวัยสิบเอ็ดขวบ ยังไม่มีความรู้เรื่องดวงจีนจะมาเข้าใจ อะไรได้. เหล่ากงทำไมไม่อธิบาย ให้เหลน เข้าใจได้ง่ายๆน้อ
" เหล่ากง. ตี๋น้อย ฟังไม่รู้เรื่องครับ. เหล่ากง อธิบายง่ายๆ ได้ไหมครับ"
" เหล่ากง ขอโทษนะ. เหล่ากง รีบอธิบายไปหน่อย. ตี๋น้อย เลยไม่เข้าใจ"
"เดี๋ยว เหล่ากง จะอธิบายให้ฟังใหม่. เริ่มใหม่นะ"
เหล่ากง เริ่มเขียนวงกลมเล็กๆ. อีกห้าวง ลงบน วงกลมวงใหญ่ ที่เหล่ากงเขียนไว้ในตอนแรก
" ตามคัมภีร์ เต๋าเต็กเก็ง. ธรรมชาติในโลกนี้มีสองด้านเสมอ. ในคัมภีร์จะเรียกว่า อิน กับ หยาง
เพราะในตอนเริ่มแรกของการก่อเกิดธรรมชาติ มีแค่ความว่างเปล่า. แต่ต่อมาเกิดการแตกตัวออกเป็นอินหยาง และเมื่อกเกิดการหมุน ทำให้เกิดการก่อเกิด ห้าธาตุ. คือ ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ ที่แบ่งเป็น อิน หยาง. ธาตุในกลุ่มนี้เกิดจากการเปลี่ยน แปลงของฟ้า. ในดวงจีน จะเรียกว่า เทียนกัง และอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เกิดจาก การเปลี่ยนแปลงธาตุตามปี นักษัตร ที่ได้รับพลังจากแผ่นดิน ในดวงจีนจะเรียกว่า ตี่จื้อ นักปราชญ์หรือนักพรตในลัทธิเต๋า จึงจับคู่บนล่าง. ออกมาได้เป็นคู่ๆ จำนวน หกสิบคู่. ที่พวกซินแส เรียกกันว่า ลักจับกะจื้อ นี่แหละ"

"การพิจารณาความเปลี่ยนแปลงของธาตุจะต้อง พิจารณาจากวัฏจักรการก่อเกิด วัฏจักรการลดทอน และวัฏจักรการทำลาย คนที่เรียนฮวงจุ้ยหรือดวงจีนจะต้องเข้าใจพื้นฐาน ตรงนี้ให้แม่นยำ จึงจะสามารถ นำไปปรับปรุงใช้กับวิชาในชั้นสูงได้ นะ ตี๋น้อย"
เหล่ากง เริ่มขีดลูกศร ชี้วงกลมวงเล็กๆ ทั้งห้าวงต่อๆกัน
"วัฏจักรการก่อเกิด. จะเป็นการที่ธาตุหนึ่งมาเสริมให้เกิดธาตุหนึ่ง วัฏจักรการลดทอน จะเป็นการที่ธาตุหนึ่งมาลดทอนพลังของอีกธาตุหนึ่ง วัฏจักรการทำลาย จะเป็นการที่ธาตุหนึ่งมาทำลายอีกธาตุหนึ่ง"
เหล่ากง เริ่มเขียนชื่อลงในวงกลมเล็กๆ แต่ละอัน. เวียนไปทางขวา. ดิน. ทอง. น้ำ. ไม้. ไฟ.
"ถ้าเป็น วัฏจักรก่อเกิด ดินให้กำเนิดทอง. ทองให้กำเนิดน้ำ น้ำให้กำเนิดไม้ ไม้ให้กำเนิดไฟ ไฟให้กำเนิดดิน"
เหล่ากง ใช้นิ้วช้ข้างขวา ชี้ไปที่วงกลมแต่ละวงตามลำดับ
"ถ้าเป็นวัฏจักรการลดทอน. ดินลดทอนไฟ ไฟลดทอนไม้ ไม้ลดทอนน้ำ. น้ำลดทอนทอง ทองลดทอนดิน เห็นตามที่เหล่ากง ชี้ให้ดูมั๊ย"
เหล่ากง เอาหน้าเข้ามาชิดไหล่ของข้าพเจ้า จนรู้สึกถึงไออุ่นของร่างกายท่าน และพยายามสอนอย่างตั้งใจ เพื่อให้เด็ก อย่างข้าพเจ้าเข้าใจได้ง่ายๆ
"ถ้าเป็น วัฏจักรการทำลาย ดินทำลายน้ำ. น้ำทำลายไฟ ไฟทำลายทอง ทองทำลายไม้. ไม้ทำลายดิน. ตี๋น้อยลองนึกภาพตามไปนะ. ตอนที่เหล่าเหล่ากง สอนเหล่ากง. ท่านให้นึกถึงภาพของธรรมชาติ. ธาตุดินให้นึกถึงดินท้องนา หรือดินกำแพง ธาตุทองให้นึกถึงเหล็กดาบ หรือเหล็กปรอท ธาตุน้ำ ให้นึกถึง แม่น้ำทะเลหรือไอหมอก ธาตุไม้ให้นึกถึง ต้นไม้ใหญ่หรือต้นหญ้า ธาตุไฟ ให้นึกถึง. ดวงอาทิตย์หรือดวงตะเกียง"
" ดวงของ บิลล์ เกตส์. มีดิถีเป็นยิ้ม ธาตุน้ำหยาง เปรียบเหมือน แม่น้ำหรือทะเล อันกว้างใหญ่ คนที่มีดิถีธาตุน้ำมักเป็นคนที่มีความสามารถเพราะธาตุน้ำสามารถใช้เป็นตัวแทนของสติปัญญาได้. แตในดวง ดิถีเป็นยิ้มสุก เปรียบเสมือน น้ำที่ตั้งอยู่บนไหของไฟ. ตามวัฏจักรการทำลาย น้ำทำลายไฟ ให้นึกเป็นน้ำมากินไฟเป็นอาหาร ดังนั้นไฟจึงเป็นลาภของน้ำ แต่ไฟอยู่ในไห น้ำยังเข้าไปกินไฟไม่ได้เพราะไหยังไม่แตก และดิถีตัวบนก็คือตัวตน ของเจ้าชะตา ส่วนดิถีตัวล่าง จะเป็นตัวแทนของสามีหรือภรรยา หรือคู่คิดของเจ้าชะตานั่นเอง"
"ในส่วนของหลักเดือน เป็นตัวเปี้ยสุก. ตัวเปี้ยจะเหมือนดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ที่ตั้งอยู่บนไหของไฟ ปกติไฟจะถ่ายเทความร้อนไปที่ดิน แต่ดินนี้เป็นไหของไฟ ไฟจึงถ่ายเทได้เล็กน้อย ธาตุไฟในหลักเดือนจึงแข็งแรงมากๆ."
"ในหลักปี เป็น อิกบี่ อิกเป็นเหมือนกับต้นหญ้าที่ดูดซึมน้ำยิ้มจากดิถี จะทำให้ดิถีอ่อนกำลังลง และบี่ข้างล่างเหมือนกับไหของต้นไม้ ที่จะดูดซึมพลังของธาตุน้ำไปเรื่อยๆ "
"และบี่กับสุก เป็นธาตุดินที่ทำลายน้ำ กินน้ำเป็นอาหาร "
"ถ้าหากธาตุน้ำยิ้มที่เป็นดิถี ถูกอิกต้นหญ้าและบี่ไหต้นไม้ ดูดน้ำไปเรื่อยๆจะไม่มีกำลังมากพอจะกินไฟเป็นอาหารไม่ได้หมด อาหารก็จะเหลือ หรือถ้าพยายามกินไฟต่อไปท้องก็จะแตก ธาตุน้ำยิ้มจะอ่อนกำลังลงมาก จะทำให้ป่วยง่ายเวลาได้ลาภ หรืออาจถึงตายได้เลย"
เหล่ากง ได้วาดรูปพระอาทิตย์ ต้นหญ้า. ไหที่มีไฟอยู่ข้างใน และไหที่มีต้นไม้อยู่ข้างใน ลงบนกระดาษ
" ดวงจีน เปรียบเหมือน ธรรมชาติ ทุกอย่างต้องกลมกลืน จึงจะสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ ที่เหล่ากงถามเรื่องแม่ของบิลล์ เกตส์ ตี๋น้อยรู้ไหมว่าเพราะอะไร"
ข้าพเจ้าสั่นหน้า และเบ้ปาก. แสดงอาการ ว่าไม่รู้เรื่อง เหล่ากงยิ้มตาหยีแล้วหัวเราะ
" เพราะดวงนี้ถ้าจะรวยได้ต้องมีความกลมกลืน. จะต้องมีธาตุที่มาระบายความแข็งแรงที่มากเกินไปของธาตุดิน บี่และสุก ไม่งั้น ดิถีจะโดนบี่และสุกมากิน จนอาจถึงตายได้เวลาที่มีลาภเข้ามา. เหล่ากงเลยถามถึงแม่ไง ว่ามีแม่จริงหรือแม่เลี้ยง เพื่อจะได้มาวาง ว่าหลักยามควรเป็น คู่ของธาตุอะไร เพื่อให้เกิดผลว่าคนๆนี้ร่ำรวยได้มากมายขนาดนี้ จนได้หลักยามเป็น ซินไห่. อย่างที่เหล่ากง อธิบายตอนแรกไง"



" ตี๋น้อย ลองดูสิว่า ป๊ากับม๊าของบิลล์ เกตส์ เกิดปีอะไร เดือนอะไร. เหล่ากงจะได้ดูว่า ป๊ากับม๊ามีอิทธิพลต่อ ชีวิตของเขามากมั๊ย เพราะคนที่เกิดวัน เดือน ปี และเวลาเดียวกันกับเศรษฐี มีเยอะแยะ แต่หลายคนก็ไม่ได้รวยมหาศาลนะ เพราะปีเกิดของคนที่แวดล้อมไม่ได้ อำนวยให้รวยได้"
ข้าพเจ้ารีบเปิดหนังสือดูประวัติว่าพ่อและแม่ของบิลล์ เกตส์ เกิดวันเดือนปี อะไร. จนเจอประวัติอยู่ในหนังสือ
" ป๊าของบิลล์ เกตส์ เกิด 25 พฤศจิกายน 1925 ส่วนม๊าเกิด 5 กรกฎาคม. 1929 ครับ เหล่ากง"
เหล่ากง เปิดปฏิทิน เซี่ยลี่ ดู.
"1925 ปี อิกทิ่ว. 1929 ปี กี้จี๋. ป๊าเขาเป็นคนที่ทำให้เขามีสติปัญญาที่ดีใช่ไหม เพราะ ปี อิกทิ่ว เป็นตัวถ่ายเทและปะทะไหไม้ให้แตกออกเกิดเป็นสติปัญญาที่ได้มาแบบง่ายๆ ลองอ่านดูประวัติซิ"
"ใช่ครับ เหล่ากง เขาได้รับ การกระตุ้นให้ชอบเรียนหนังสือมาจากคุณพ่อที่ชอบตั้งคำถามให้ลูกๆแย่งกันตอบ"
"แล้ว ม๊าของเขา ช่วยเขาในการติดต่อธุรกิจใช่ไหม เพราะ ปีกี้จี๋ แม้ว่าจะเป็นตัวปะทะกับไห่ในหลักยาม แต่ในปีจรหลักแรกของชีวิต เป็นอิกอิ้ว. พ่อและแม่ของเขา รักเขามากและสนับสนุนลูกอย่างจริงจังในทุกด้านเลยนะ"
"ใช่ครับ. ตอนที่เขาได้งานจาก ไอบีเอ็ม เป็นเพราะแม่ของเขา เป็นคนติดต่อให้ครับ และเขาเริ่มตั้งบริษัทของตัวเองตั้งแต่อายุ 19 เลยครับ"
ข้าพเจ้าเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ป๊าของข้าพเจ้า สืบทอดกิจการโรงน้ำปลามาจากเหล่ากง และอากง มีซื้อขายที่ดินบ้าง มีสวนยาง หลายร้อยไร่ มีสวนผลไม้ทั้งที่จันทบุรีและตราดหลายแห่ง มีเรือประมง 20 ลำ ในแต่ละรุ่นที่สืบทอดมามรดกจะส่งต่อให้กับลูกชายคนโต เพื่อให้พี่ชายคนโตเป็นคนเลี้ยงดูน้องๆ เป็นเหมือนหัวหน้าหรือประมุขของกงสี ข้าพเจ้าจะรวยอย่างบิลล เกตส์ได้หรือไม่นะ
"เอ เหล่ากง ดูจากอะไรครับ ถึงว่าพ่อและแม่ของเขาสนับสนุนเขาในทุกๆด้าน"
"ปีเกิดของพ่อ เป็น ทิ่ว ปีเกิดของแม่เป็น จี๋. วัยจรเป็นอิ้ว. ครบตามการซาฮะ เป็นธาตุทอง ที่ก่อกำเนิดเป็นน้ำให้ดิถีแข็งแรงขึ้นไงล่ะ พอดิถีแข็งแรงเพราะปีเกิดของพ่อแม่ คนๆนี้เลยรวยขึ้นเร็วตั้งแต่หนุ่มๆ"
" เอ แต่ตามดวง เหล่ากงว่า มันต้องมีคนช่วยเขามากกว่านั้น คนที่ร่วมก่อตั้งธุรกิจกับเขา เป็นใครหรือ"
"ตามประวัติ เขาร่วมกันก่อตั้ง บริษัท ไมโครซอฟท์ ร่วมกับเพื่อนของเขาชื่อ พอล อัลเลนครับ"
"เขาเกิดวันเดือนปีอะไร"
ข้าพเจ้าได้แอบคั่นหน้ากระดาษไว้ตั้งแต่เหล่ากงถามครั้งแรกแล้ว อิอิ
"21 มกราคม 1953 ครับ"

"ฮ้อๆ. คนนี้แหละที่เป็นคู่บุญบารมี เพราะปีเกิดเป็นปี ยิ้มซิ้ง. ซิ้งปะทะสุก ทำให้ ไหไฟ ร้าวเพราะเป็นการปะทะแบบไหน้ำหนึ่งไห ปะทะกับไหไฟสองไห น้ำยิ้มธาตุดิถีที่แข็งแรง จากซาฮะธาตุทองและธาตุทองซินในดวง เลยเข้ามากินไฟในไหไฟ สุกที่ฐานเดือนและฐานวันที่ร้าวได้. มิน่าล่ะรวยเร็วจริงๆนะ เพราะถ้าไหของธาตุที่เป็นลาภแตกออกจะทำให้ เจ้าชะตาได้รับความสำเร็จหรือเงินทองโดยง่าย แต่ต้องแลกมากับชีวิตของผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นตัวแทนของหลักที่ไหนั้นไปอยู่ ถ้าอยู่ฐานปี เป็นปู่ย่าตายาย. ฐานเดือนเป็นพ่อแม่ ฐานวันเป็นสามีหรือภรรยา ฐานยามเป็นลูกหรือลูกน้อง กรณีของคนนี้ ถ้าไม่ใช่เมียก็แม่แหละที่เจ็บป่วย เพราะมีสุกอยู่ที่ ฐานเดือนและฐานวัน"
ข้าพเจ้าเริ่มสงสัย เพราะบิลล์ เกตส์ ยังไม่มีภรรยา แต่มีข่าวคบหาอยู่กับ เมลินดา เฟร๊นช์ ที่เป็นลูกน้องในบริษัท ที่จบปริญญาตรี มาด้วยเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยดุ้ค และเป็นผู้จัดการโครงการมัลติทาสก์ หรือการเปิดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ละหลายโปรแกรมในหน้าเดียว ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่มาก สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และกำลังมีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่ระหว่างไมโครซอฟท์กับแอ๊บเปิ้ล ว่าใครลอกใคร แต่ข่าวล่าสุดออกมาคือมีการนำสืบว่า ทั้งสองบริษัทใช้วิธีการไปจ้างนักวิจัยจากศูนย์วิจัยคอมพิวเตอร์ของซีร็อกซ์ นำระบบ Graphic User Interface (GUI) ที่พัฒนาขึ้นมาโดยทีมวิจัยของซีร็อกซ์ มาพัฒนาต่อเป็นระบบปฏิบัติการของตัวเอง
"เมลินดา เฟร๊นช์ แฟนของบิลล์ เกตส์ เกิด วันที่ 15 สิงหาคม 1964 ครับ"



"1964 ปี กะซิ้ง อ้าวปะทะกับสุก อีกนี่ ถ้าคนนี้มาเป็นเมียของเขา เขาจะรวยขึ้นอีกมาก แต่ไหธาตุไฟจะแตกออกทั้งสองไห เพราะมีคนเกิดปีซิ้งสองคนเข้ามาในชีวิต จะทำให้ธาตุไฟในชะตามากเกินไป. ข้อดีคือทำให้เจ้าชะตารวยขึ้นมากเพราะดิถีแข็งแรงจากพลังเสริมของธาตุทอง. แต่ไฟจะมากินทองทำให้ทองอ่อนกำลังลง ส่งผลให้แม่มีสุขภาพที่อ่อนแอได้ เพราะดินในดวงเป็นแค่ไหที่หุ้มไฟอยู่ พอไหแตก. เปลือกไหก็แถบจะไม่มีกำลังเหลืออยู่ที่จะรับไฟ มาเสริมดิน ให้เกิดความแข็งแรงของทองได้ เพราะเมื่อเลยวัยจร อิกอิ้ว ไปแล้ว ปีเกิดของพ่อ ก็ปะทะธาตุดิน ในหลักปีที่เป็นไหไม้ให้แตกออกจนไม่เหลือ สภาพของดินเหมือนกัน ถ้าเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ แม่ของเขา อาจจะเสียชีวิตในเวลาไม่นาน. แต่พ่อของเขาจะมีสุขภาพแข็งแรงมากนะ ตี๋น้อย"
แสงไฟฟ้ากลับมาสว่างอีกครั้ง หลังจากมืดมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ทำให้เงาตะคุ่มๆที่ทำให้ข้าพเจ้าสงสัยว่ามีคนแอบอยู่หลัง รูปปั้นไถ้บ่อเนี๊ยะ ที่แท้เป็นแค่เงาที่เกิดจากแสงไฟของตะเกียงเจ้าพายุ ทาบทับ ทำให้เกิดภาพเหมือนคนมาแอบอยู่นั่นเอง
"เอาล่ะ ตี๋น้อย นี่ก็ดึกแล้ว เรากลับไปนอน ที่บ้านเหล่ากง กันเถอะ พรุ่งนี้. จะได้ตื่นแต่เช้า มาช่วยเหล่ากง กวาดศาลเจ้านะ"
" ครับ เหล่ากง"
ข้าพเจ้าเกาะแขนเหล่ากง แล้วค่อยๆ ออกจากประตูศาลเจ้า. ไปตามถนนที่มีแสงไฟเรียงรายสองข้างทาง ไปยังบ้านของเหล่ากง ที่อยู่ไม่ห่างจากศาลเจ้าเท่าใดนัก
เรื่องที่เขียน นี้เป็นลิขสิทธิ์ ของนักเดา. ศิษย์ของอาจารย์ใหญ่เกรียงไกร รุ่นที่ 41 แต่มาจบรุ่นที่ 44 เนื่องจากปัญหาเรื่องเรื่องสุขภาพ ในปีแรกที่เรียน และตอนนี้ทำงานอยู่ที่ระยอง. คุณหมี กับซือเฮียทวีศักดิ์ น่าจะจำผมได้เพราะเรียนมาหลายปีเห็นหน้ากันบ่อย. ที่จริง ผมไม่อยากเปิดเผยตัวเท่าใดนัก เพราะไม่อยากรู้จักคนมาก. แต่ต้องมาแจ้งรุ่น เพื่อใช้แทนการแจ้งชื่อหรือนามสกุลจริง ในการนำสืบ พยานวัตถุ ในกรณีที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ นำไปเผยแพร่เพื่อการค้า แต่ถ้านำไปเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทาน ขอให้อ้างอิงชื่อผู้แต่งด้วย. ไม่งั้นจะเป็นการแอบอ้างทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตนะครับ
ปล. ขอย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้เป็นนิยายที่เป็นเรื่องแต่ง. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงของผมแม้แต่น้อย

ปฐมบท

การมาเขียน blog นี้เพื่อเป็นการต่อยอดจากการที่ผมเข้าไปตอบปุจฉา วิสัชนาในเว็บพยากรณ์ดอทคอม

ในชื่อของกิจและนักเดา

วัตถุประสงค์ของการตอบในชื่อ กิจ นั้น เพื่อสร้างผลบุญให้ผมสามารถทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาเอกของของคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม(ปัจจุบันเป็นคณะบริหารการจัดการพัฒนาสิ่งแวดล้อม) ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ให้จบให้ได้. ผมจึงตอบเฉพาะเรื่องการเรียน


วัตถุประสงค์ของการตอบในชื่อนักเดาที่ส่วนใหญตอบในกระทู้สมุดจดดวง จะตอบเพื่อการหาประสบการณ์. แต่ผมมาพลาดตอนที่ตั้งกระทู้โรคาพยากรณ์ ไปตอบในเรื่องการวินิจฉัยโรคด้วยโหราศาสตร์ ทำให้ต้องรับเศษกรรม จากคนที่เป็นโรคเหล่านั้นที่มีเจ้ากรรมนายเวรจองเวรอยู่ จึงบังตาไม่ให้ผมสังเกตเห็น (ถ้าผมรู้ตัวผมแก้ไขได้) ทิศแตกสลายที่เกิดกับบ้านผมในปี 58 และ เจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นดลใจให้พ่อของผมทำห้องครัวใหม่ จึงได้มีการทุบห้องครัวในปี 58 นี้ ส่งผลให้คุณแม่อันเป็นที่รักยิ่งของผม ต้องมาเสียชีวิตครั้งสุดท้ายในวันที่ 3 มีนาคม 2558 เวลา 6.30 น. ซึ่งเป็นการเสียชีวิตด้วยไตวายเฉียบพลัน แต่การเสียชีวิตครั้งแรกในวันที่ 2 มีนาคม 2558 เวลาประมาณ 7.00 น. เป็นการเสียชีวิตด้วยหัวใจวาย แต่หมอปั๊มหัวใจกลับมาคืนได้ และผมได้ใช้วิชาที่ผมรู้ทั้งหมดมาช่วยยื้อชีวิตแล้ว แต่ไม่สำเร็จเพราะการขัดขวางของเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้น ทำให้แม่ฟื้นไม่ทันเวลา ถูกฉีดฟอร์มาลีนไปก่อน ซึ่งเป็นการเสียชีวิตในช่วงที่ผมพักฟื้นจากการผ่าตัดส่องกล้องนิ่วในถุงน้ำดี แลได้กินเนื้อสัตว์สองวันเพราะถูกพยาบาลขู่ว่าแผลจะไม่สมานซึ่งเป็นการกินเนื้อสัต์ครั้แรกในรอบห้าปีในขณะที่เป็นฆราวาสอยู่ ตอนบวชพระต้นปี 57 กินเนื้อสัตว์เพราะพระเลือกกินไม่ได้

ด้วยความสะเทือนใจในการเสียชีวิตของแม่ ผมจึงเลิกเข้าไปตอบในเว็บพยากรณ์ และจึงมาตั้ง blog นี้เพื่อเล่าความรู้ที่มีอยู่ให้ท่านทั้งหลายได้ฟังครับ

6 เมษายน 2558  9.00 น.